Weekly Recap Research 17 - 23 Nov 2025

ประจำสัปดาห์ 17 - 23 พฤศจิกายน 2568

สารบัญเนื้อหา

Weekly Recap Research

ARK Invest ทุ่มซื้อหุ้นคริปโตสวนตลาด ดักจังหวะสะสมยามราคาดิ่ง

[https://www.theblock.co/post/379849/ark-buys-coinbase-bitmine-circle-bullish]

ARK Invest เดินหน้าเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจคริปโตชุดใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดทั้งหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเผชิญแรงกดดันหนัก หุ้นบริษัทคริปโตหลายแห่งปิดลบอย่างเห็นได้ชัด แต่กองทุนของ Cathie Wood กลับเลือกเข้าซื้อเพิ่ม โดยทุ่มเงินมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น Coinbase ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของตลาดคริปโต นอกจากนั้นยังเข้าซื้อหุ้น BitMine มูลค่าประมาณ 9.9 ล้านดอลลาร์ รวมถึงหุ้นของ Circle ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออก stablecoin รายใหญ่ และหุ้นของ Bullish แพลตฟอร์มเทรดคริปโตอีกเกือบ 9.65 ล้านดอลลาร์

การเคลื่อนไหวทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้กำลังอ่อนแรง Coinbase ร่วงลงมากกว่า 7% ในวันเดียว ขณะที่ BitMine ดิ่งลงกว่า 10% และ Circle อ่อนตามลงก แม้ในระดับที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ARK กลับมองสถานการณ์นี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม สะท้อนว่ากองทุนยังเชื่อมั่นในพื้นฐานของอุตสาหกรรมคริปโต และมองว่าความผันผวนในระยะสั้นไม่ใช่ปัจจัยที่บั่นทอนแนวโน้มระยะยาวของตลาด

จังหวะการเข้าซื้อดังกล่าวส่งสัญญาณสำคัญในช่วงที่นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากเลือกเทขายเพราะความกังวล ARK กลับเคลื่อนไหวสวนทาง ราวกับมองเห็นว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็นโอกาสในการสะสมสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในช่วงราคาต่ำ ข้อมูลเหล่านี้ยังสะท้อนด้วยว่าสถาบันบางรายไม่ได้เปลี่ยนมุมมองต่อการเติบโตเชิงโครงสร้างของระบบนิเวศคริปโต แม้ตลาดจะผันผวนหรือมีข่าวลบออกมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าตลาดคริปโตยังคงเป็นพื้นที่ที่หลายคน “หวั่นกลัว แต่บางกลุ่มยังกล้าได้กล้าเสีย” และเมื่อกองทุนระดับโลกยังเดินหน้าเข้าซื้อในวันที่ราคาปรับลงดิ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าพื้นฐานของอุตสาหกรรมยังคงอยู่ เพียงแค่รอจังหวะการฟื้นตัวครั้งใหม่ตามวัฏจักรเดิมของตลาดการเงินเท่านั้น

หุ้นนักขุดบิตคอยน์ดีดแรง หลัง Nvidia โชว์งบไตรมาส 3 สุดโหด

[https://www.theblock.co/post/379581/cipher-iren-and-more-bitcoin-mining-stocks-get-after-hours-boost-on-nvidias-blowout-q3-earnings]

ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Nvidia กลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้หุ้นบริษัทขุด Bitcoin หลายแห่งดีดตัวขึ้นทันทีหลังตลาดปิด แม้ภาวะตลาดคริปโตในช่วงนี้จะค่อนข้างซบเซา แต่รายได้มหาศาลกว่า 57 พันล้านดอลลาร์ของ Nvidia รวมถึงคาดการณ์ไตรมาส 4 ที่ประเมินไว้ระหว่าง 63.7–66.3 พันล้านดอลลาร์ ได้สร้างแรงขับเชิงบวกให้กับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการขุดคริปโต เนื่องจากความต้องการ GPU ที่ยังเติบโตต่อเนื่องจากภาค AI ทำให้ตลาดมองว่าธุรกิจที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานใกล้เคียงกันอาจได้รับผลดีตามไปด้วย

ทันทีที่รายงานเผยแพร่ หุ้นของ Cipher Mining พุ่งขึ้นกว่า 13% ในช่วงหลังปิดตลาด ขณะที่ IREN ก็ขยับขึ้นราว 10% แม้ว่าราคาบิตคอยน์จะไม่ได้เป็นปัจจัยสนับสนุนหลักก็ตาม การตอบสนองดังกล่าวไม่ใช่เพียงความคาดหวังเชิงจิตวิทยาของนักลงทุน แต่เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัทขุดหลายแห่งเริ่ม “ขยายโมเดลธุรกิจ” ไปสู่บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ High-Performance Computing มากขึ้น IREN เพิ่งเซ็นสัญญาด้าน AI ครั้งใหญ่กับลูกค้ารายสำคัญ ส่วน Cipher ก็ปิดดีลให้บริการโฮสติ้งสำหรับงานด้าน AI กับผู้ให้บริการคลาวด์อีกแห่ง สะท้อนภาพการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมขุดจากรูปแบบดั้งเดิม ไปสู่บทบาทใหม่ที่ใช้ศักยภาพด้านพลังประมวลผลรองรับความต้องการของโลก AI ที่เติบโตไม่หยุด

ความเชื่อมโยงระหว่างสองอุตสาหกรรมนี้ทำให้หุ้นบริษัทขุดตอบสนองต่อผลประกอบการของ Nvidia อย่างฉับพลัน เพราะในมุมมองตลาด หาก Nvidia เติบโตจากความต้องการประมวลผล AI ที่พุ่งขึ้น ธุรกิจที่ถือครองพลังประมวลผลระดับสูงและสามารถให้บริการด้านนี้ได้ เช่น บริษัทขุด ก็มีโอกาสเติบโตตามไปด้วย แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนการขยับตัวครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมขุด Bitcoin ที่ต้องการสร้างรายได้จากแหล่งใหม่ แทนการพึ่งพาราคาบิตคอยน์เพียงปัจจัยเดียว

ภาพรวมทั้งหมดจึงสะท้อนว่าบริษัทขุดกำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้เล่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ไปสู่ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อปัญญาประดิษฐ์ และตลาดดูเหมือนจะตอบรับทิศทางใหม่นี้อย่างแข็งแรง หาก Nvidia ยังคงทำผลงานได้โดดเด่น ความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองอุตสาหกรรมอาจยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น จนเส้นแบ่งระหว่าง “ผู้ขุด Bitcoin” และ “ผู้ให้บริการพลังประมวลผล AI” อาจเลือนหายลงอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

Top Net flows

[https://app.artemisanalytics.com/flows]

ข้อมูล Netflow ของเครือข่ายต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 17–23 พฤศจิกายน 2025 สะท้อนทิศทางการเคลื่อนตัวของเงินทุนในตลาดคริปโตได้อย่างเด่นชัด โดย Arbitrum เป็นเครือข่ายที่โดดเด่นที่สุด ด้วยกระแสเงินไหลเข้ามากถึง 553.5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Solana และ Base แม้จะมีเงินทุนไหลเข้าเช่นกัน แต่ตัวเลขยังตามหลังอยู่มาก ในทางตรงกันข้าม เครือข่ายชั้นนำหลายรายกลับเผชิญกระแสเงินไหลออก ไม่ว่าจะเป็น Hyperliquid, Unichain, BNB Chain, OP Mainnet และหนักที่สุดคือ Ethereum ซึ่งมี Netflow ติดลบมากที่สุดในบรรดาเครือข่ายทั้งหมด

ภาพรวมดังกล่าวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนกำลังหมุนตามทิศทางที่ชัดเจนขึ้น Arbitrum ได้แรงสนับสนุนจากกิจกรรมในระบบนิเวศที่เติบโตต่อเนื่อง การเพิ่มขึ้นของ TVL และความได้เปรียบด้านต้นทุนและประสิทธิภาพที่ช่วยดึงสภาพคล่องเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้าน Solana ซึ่งตามมาเป็นอันดับสองได้รับแรงหนุนจากกระแส DeFi และเมมโทเคนบนเชนที่ยังคงคึกคัก ส่วน Base ยังคงรักษากระแสเงินไหลเข้าอย่างสม่ำเสมอจากฐานผู้ใช้งานรายวันที่สูง และโปรโตคอลด้านโซเชียลและ DeFi ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ตัวเลขจะไม่โดดเด่นเท่ากับ Arbitrum

ในทางกลับกัน Ethereum ยังคงเผชิญการไหลออกของสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนธุรกรรมที่สูงกว่า Layer 2 และพฤติกรรมผู้ใช้งานที่ทยอยย้ายไปยังเชนที่เร็วกว่าและต้นทุนถูกกว่า ความเคลื่อนไหวนี้แม้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ แต่ Netflow ชุดนี้ชี้ชัดว่ากระแสเงินทุนขนาดใหญ่กำลังย้ายออกในเชิงโครงสร้างมากกว่าการสลับพอร์ตระยะสั้น ด้าน Hyperliquid ที่มี Netflow ติดลบหนักสะท้อนแรงถอนทุนจากผู้เล่นสายอนุพันธ์ที่กำลังปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด ขณะที่ BNB Chain และ OP Mainnet ต่างก็เผชิญการไหลออกในทิศทางเดียวกัน ราวกับกำลังเสียความสนใจไปให้เชนที่มี narrative แข็งแรงกว่าในช่วงสัปดาห์นั้น

เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมด Netflow ในสัปดาห์นี้สะท้อนชัดเจนว่าเม็ดเงินรายใหญ่กำลังหมุนออกจาก L1 รุ่นเก่าและเครือข่ายที่เติบโตช้าลง ไปสู่ Layer 2 ที่มีการใช้งานจริงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลักษณะดังกล่าวคล้ายกับการย้ายเงินทุนไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชุดใหม่ของตลาด และอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเทรนด์รอบใหม่ในช่วงปลายปี หากกระแสนี้ยังดำเนินต่อ Arbitrum มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของสภาพคล่องระลอกต่อไป ขณะที่เครือข่ายที่เผชิญการไหลออกอย่าง Ethereum อาจต้องพึ่งกิจกรรมใหม่ เช่น staking, restaking หรือโซลูชันเทคโนโลยีเพิ่มเติม เพื่อดึงความสนใจและเงินทุนกลับคืนมาอีกครั้ง.

Fear & Greed Index

[https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index]

ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ของเว็บไซต์ alternative.me เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ประเมินมุมมองและอารมณ์ของตลาดคริปโต โดยอ้างอิงคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 100 (0 หมายถึง ความกลัวสุดขีด หรือ Extreme Fear และ 100 หมายถึง ความโลภสุดขีด หรือ Extreme Greed)

ค่าดัชนี Fear & Greed Index ของตลาดคริปโตวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 อยู่ที่ 19 คะแนน ซึ่งอยู่ในโซน Extreme Fear สะท้อนบรรยากาศความกังวลที่ปกคลุมตลาดและระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับรู้เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด

ข้อมูลย้อนหลังยังตอกย้ำภาพเดียวกัน เมื่อวานดัชนีอยู่ที่ 13 และสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 14 ซึ่งล้วนอยู่ในระดับ Extreme Fear ต่อเนื่องหลายวัน ขณะเดียวกันเมื่อเดือนก่อนดัชนีอยู่ที่ 37 ซึ่งยังเป็นระดับ Fear ปกติ แสดงให้เห็นว่าตลาดค่อย ๆ เคลื่อนเข้าสู่ภาวะตึงตัวมากขึ้น จนแตะระดับความกลัวรุนแรงในช่วงปัจจุบัน

Bitcoin ETF Flow

[https://farside.co.uk/btc]

กระแสเงินของ Bitcoin ETF ระหว่างวันที่ 17–21 พฤศจิกายน 2025 เคลื่อนไหวอย่างผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ โดยเริ่มต้นด้วยแรงขายจำนวนมากในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะมีจังหวะที่กระแสเงินพลิกกลับมาเป็นบวกสลับเข้ามาเป็นระยะ วันที่ 17 พฤศจิกายนเปิดมาด้วยเงินไหลออกรวมกว่า 254.6 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยวันที่ 18 พฤศจิกายนที่แรงขายยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนตัวเลขติดลบรวมเพิ่มเป็นกว่า 372.8 ล้านดอลลาร์ สะท้อนว่าความกดดันจากกองทุนขนาดใหญ่ยังไม่คลายตัวลงมากนัก

วันที่ 19 พฤศจิกายนเริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยประคองตลาด โดยตัวเลขกระแสเงินรวมพลิกกลับมาเป็นบวกที่ประมาณ 75.4 ล้านดอลลาร์ หลังได้รับแรงหนุนหลักจากยอดไหลเข้าของกองทุน IBIT แม้กองทุนอื่นจะยังคงมีแรงขายประปราย แต่แรงซื้อกลับที่เกิดขึ้นก็เพียงพอที่จะทำให้ภาพรวมของตลาด ETF ฟื้นตัวขึ้นชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม สัญญาณเชิงบวกดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสั้น ๆ เพราะวันที่ 20 พฤศจิกายนกลายเป็นวันที่หนักที่สุดของสัปดาห์ ด้วยกระแสเงินไหลออกรวมกว่า 903.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือนพฤศจิกายน แรงขายระลอกนี้เกิดจากการเทขายพร้อมกันของกองทุนใหญ่หลายกอง ตั้งแต่ IBIT, FBTC, BITB ไปจนถึง GBTC ที่มียอดไหลออกเกือบสองร้อยล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ภาพรวมตลาด ETF ถูกกดดันอย่างเด่นชัด

สัปดาห์ปิดท้ายด้วยวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ตัวเลขกลับมาเป็นบวกอีกครั้งที่ 238.4 ล้านดอลลาร์ จากกระแสเงินไหลเข้าพร้อมกันจากหลายกองทุน ทำให้ตลาดมีจังหวะฟื้นตัวช่วงท้ายสัปดาห์หลังเผชิญแรงผันผวนต่อเนื่องหลายวันก่อนหน้า

เมื่อนำภาพรวมช่วงวันที่ 17–21 พฤศจิกายนมาพิจารณา จะเห็นว่าสัปดาห์นี้เต็มไปด้วยความแกว่งตัวของกระแสเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญ มีทั้งวันที่ไหลออกแรงถึงสองวัน วันที่ไหลเข้าชัดเจนสองวัน และอีกหนึ่งวันที่ตัวเลขเป็นบวกเพียงเล็กน้อย ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งในสัปดาห์ที่ตลาด Bitcoin ETF มีรูปแบบ “หนักต้น–หนักกลาง–ดีท้าย” อย่างชัดเจนที่สุดในเดือนพฤศจิกายน

Ethereum ETF Flow

[https://farside.co.uk/eth/]

กระแสเงินของ Ethereum ETF ระหว่างวันที่ 17–21 พฤศจิกายน 2025 เคลื่อนไหวในเชิงลบแทบตลอดทั้งสัปดาห์ โดยตัวเลขสะท้อนให้เห็นว่าเงินทุนยังคงไหลออกจากกองทุน ETH อย่างต่อเนื่อง กองทุนหลายแห่งบันทึกกระแสเงินติดลบแทบทุกวัน ทำให้ช่วงนี้กลายเป็นหนึ่งในสัปดาห์ที่กระแสเงินรวมอ่อนแรงที่สุดของเดือน

วันที่ 17 พฤศจิกายนเริ่มต้นด้วยกระแสเงินออกกว่า 182.7 ล้านดอลลาร์ จากแรงขายที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายกองทุน ทั้ง ETHA, FETH, ETHW และกองทุนที่อยู่ในสถานะ Pending ซึ่งล้วนอยู่ในแดนลบ ต่อมาในวันที่ 18 พฤศจิกายน แรงขายยังดำเนินต่อเนื่อง โดยกระแสเงินออกเพิ่มขึ้นเป็น 204.2 ล้านดอลลาร์ แม้บางกองทุนจะไม่ขยับตัวเลข แต่ยอดติดลบระดับหลายร้อยล้านดอลลาร์จากกองทุนขนาดใหญ่ยังคงโดดเด่น

วันที่ 19 พฤศจิกายนยังคงเป็นวันติดลบ รวมทั้งสิ้น 47.2 ล้านดอลลาร์ แม้จะลดลงจากวันก่อนหน้า แต่ก็ยังสะท้อนว่ากระแสเงินทุนยังไม่ไหลกลับเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ ETF ของ Ethereum อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่วันที่ 20 พฤศจิกายน กระแสเงินออกเพิ่มขึ้นอีกเป็น 261.6 ล้านดอลลาร์ จากแรงขายของกองทุนขนาดใหญ่อย่าง ETHA และ FETH ซึ่งไหลออกพร้อมกัน ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในวันที่มีแรงขายสูงที่สุดของเดือน

ช่วงสุดท้ายของสัปดาห์ในวันที่ 21 พฤศจิกายน แม้จะไม่มีเงินไหลเข้าจำนวนมาก แต่กระแสเงินรวมยังคงติดลบที่ 52.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปิดสัปดาห์ด้วยการไหลออกของเงินทุนติดต่อกันหลายวันโดยไม่มีวันที่ตัวเลขเป็นบวกเลย

ในช่วงท้ายสัปดาห์ วันที่ 21 พฤศจิกายน ยังคงไม่มีแรงซื้อกลับที่ชัดเจน โดยกระแสเงินรวมติดลบที่ 52.7 ล้านดอลลาร์ เป็นการปิดสัปดาห์ด้วยตัวเลขติดลบต่อเนื่องตลอดทั้งห้าวันโดยไม่มีวันใดเป็นบวกเลย

เมื่อพิจารณาตลอดช่วงวันที่ 17–21 พฤศจิกายน จะเห็นได้ว่าตลาด Ethereum ETF เผชิญกระแสเงินไหลออกทุกวัน โดยแรงขายในแต่ละวันอยู่ในระดับตั้งแต่หลักสิบล้านไปจนถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทำให้ช่วงนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสัปดาห์ที่กระแสเงินฝั่ง Ethereum ETF อ่อนแรงที่สุดของเดือนพฤศจิกายน

ข่าวสารสำคัญ:

สภาสหรัฐฯ เหลือเวลาไม่มาก: งานหนักรอให้เสร็จสำหรับกฎหมายคริปโตในปีนี้

Offchain Labs โต้กลับข้อเสนอ RISC-V ของ Vitalik Buterin เลือกรัน WASM บน Ethereum L1 แทน

สถาบันการเงินระหว่างประเทศเตือน Stablecoin อาจเป็นชนวนวิกฤตใหม่ – Coinbase จวกกลับทันที

ที่มา:

https://defillama.com/chain/arbitrum

https://defillama.com/chain/solana?tvl=true&chainRevenue=false

https://dappradar.com/rankings/protocol/solana/category/defi

https://blockworks.com/analytics/base

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้  

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้  

ขอบคุณที่ติดตามครับ

JP. Deniel

ดาวน์โหลดแอพลิเคชัน Maxbit ได้ที่

appstoregoogleplay

ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต

ลงทะเบียน
starstar