
ประจำสัปดาห์ 3 - 9 พฤศจิกายน 2568


ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกปรับตัวลงอย่างรุนแรงในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณเชิงเข้มงวดว่ายังไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม ส่งผลให้นักลงทุนเร่งเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วกระดาน มูลค่าตลาดรวมลดลงกว่า 3.1% เหลือเพียง 3.69 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมกับเกิดการล้างพอร์ต (liquidation) มูลค่ารวมกว่า 395 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว Bitcoin (BTC) ร่วงแตะระดับ 107,900 ดอลลาร์ ขณะที่ Ethereum (ETH) ลดลงเหลือประมาณ 3,753 ดอลลาร์ ส่วนเหรียญในกลุ่ม Altcoin ปรับตัวลดลงเฉลี่ย 5–8%
แรงกดดันหลักมาจากความกังวลว่านโยบายการเงินที่ยังคงตึงตัวอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มเผชิญแรงกระทบ ขณะเดียวกัน นักลงทุนสถาบันยังคงเทขาย Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้เกิดแรงขายซ้ำซ้อนและการล้างพอร์ตอัตโนมัติในหลายส่วนของตลาด ดัชนีความกลัวและความโลภ (Crypto Fear & Greed Index) ลดลงเข้าสู่โซน “กลัว” สะท้อนภาวะระมัดระวังของนักลงทุนในวงกว้าง โดยภาพรวมตลาดยังอยู่ในช่วงรอดูท่าทีจาก Fed ซึ่งหากมีการผ่อนคลายสัญญาณทางการเงินในช่วงต้นปี 2026 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวรอบใหม่ในตลาดคริปโตได้อีกครั้ง

กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ เผชิญกระแสเงินไหลออกสุทธิสูงถึง 1.22 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งนับเป็นสัปดาห์ที่มีการไหลออกมากที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติการณ์ โดยเฉพาะวันศุกร์วันเดียวที่มีกระแสเงินไหลออกราว 558.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขการถอนเงินรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์มองว่า การไหลออกครั้งนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันที่อาจ “ขายทำกำไร” หลังราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงก่อนหน้า โดยมีปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งอัตราเงินเฟ้อ การปรับขึ้นดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดความระมัดระวังต่อสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม หากกระแสเงินเริ่มไหลกลับเข้าสู่กองทุนในระดับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์ พร้อมกับสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มผ่อนคลาย ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวในตลาดคริปโตได้อีกครั้ง

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา WorldChain เป็นเครือข่ายที่มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิมากที่สุด โดยมีมูลค่ารวมกว่า 52.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุน สอดคล้องกับจำนวน Active Address ที่พุ่งแตะระดับ 1 ล้านบัญชี เติบโตขึ้นกว่า 170% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ขณะที่อันดับสองและสาม ได้แก่ Base ที่มี NetFlow ไหลเข้าสุทธิราว 50.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Polygon PoS ที่ 43.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ด้านเครือข่ายที่มีกระแสเงินไหลออกมากที่สุดในช่วงเดียวกันคือ Ethereum ซึ่งมี NetFlow ติดลบอยู่ที่ 271.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่ไหลออกไปยัง Arbitrum ราว 63.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ WorldChain ราว 54.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ของเว็บไซต์ alternative.me เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ประเมินมุมมองและอารมณ์ของตลาดคริปโต โดยอ้างอิงคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 100 (0 หมายถึง ความกลัวสุดขีด หรือ Extreme Fear และ 100 หมายถึง ความโลภสุดขีด หรือ Extreme Greed)
ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 29 จุด ซึ่งอยู่ในโซน “ความกลัว” หลังจากสัปดาห์ก่อนยังอยู่ที่ระดับ 42 จุด โดยในสัปดาห์นี้ ราคา BTC ปรับตัวลดลงราว 4.9% เมื่อเทียบระหว่างราคาปิดวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 กับราคาปิดวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ทั้งยังมีช่วงที่ราคาหลุดต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ การเตรียมนโยบายดูดสภาพคล่อง (QT) ในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ของธนาคารกลางสหรัฐและความไม่แน่นอนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ข้อมูลในปัจจุบันบ่งชี้ว่าระดับราคา 110,000 ดอลลาร์ เป็นจุดที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกขายทำกำไร ขณะที่โซนราคา 102,000 – 105,000 ดอลลาร์ เป็นบริเวณที่เริ่มมีการทยอยเข้าซื้อสะสมกลับมา ส่วนฝั่งของ ETH พบว่านักลงทุนเริ่มทยอยซื้อในระดับราคาใกล้เคียง 3,100 ดอลลาร์

ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน ตลาดคริปโทฯ เปิดเดือนด้วยแรงขายจากสถาบันอย่างรุนแรงโดยระหว่างวันที่ 3 – 9 พฤศจิกายน มียอดขายรวมกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดยกองทุน IBIT มียอดขายสูงสุดที่ประมาณ 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วย FBTC และ ARKB ที่มียอดขายราว 438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนการปรับกลยุทธ์ของนักลงทุนสถาบัน ที่เริ่มลดขนาดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยงลง ภายใต้ภาวะความไม่แน่นอนจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ส่งผลให้จำนวน Bitcoin ที่สถาบันถือครองรวมกันลดลงเหลือ 1,334,793 เหรียญ จากระดับสูงสุดที่ 1,362,247 เหรียญ ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2025

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ETH ยังคงเผชิญแรงขายจากนักลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ BTC โดยปริมาณการถือครองรวมของ ETF ปรับลดลงตลอดทั้งสัปดาห์ สะท้อนถึงแรงเทขายจากสถาบันรายใหญ่ 4 แห่งที่มีการขายต่อเนื่องถึง 3 วัน นำโดยกองทุน ETHA ของ BlackRock ที่ขายสุทธิกว่า 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วย FETH ที่ขายสุทธิกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกองทุน ETH รวมถึง ETHE ของสถาบัน Grayscale ที่มีแรงขายตามมา ปัจจัยกดดันเพิ่มเติมมาจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากเชนคู่แข่ง ซึ่งมีการพัฒนาในด้านความสามารถในการรองรับธุรกรรม (scalability) และค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่สูงกว่าคู่แข่งทำให้เงินทุนเริ่มไหลออกจาก ETH เพิ่มมากขึ้น
ข่าวสารสำคัญ:
สภาวะหยุดชะงักรัฐบาลสหรัฐฯ สะเทือน “สภาพคล่อง” ตลาดคริปโต
ที่มา:
https://ambcrypto.com/worldcoin-rallies-16-hits-1m-users-is-a-1-2-wld-breakout-near/
https://studio.glassnode.com/charts/indicators.CostBasisDistributionHeatmap?a=BTC
https://studio.glassnode.com/charts/indicators.CostBasisDistributionHeatmap?a=ETH
https://btcetffundflow.com/us
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ขอบคุณที่ติดตามครับ
JP. Deniel
ประกาศและข่าวสารเหรียญต่าง ๆ
ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต


