
ฟีเจอร์ Grid Trading ของแพลตฟอร์ม Maxbit เป็นกลยุทธ์การเทรดแบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้คุณทำกำไรจากความผันผวนของราคาในช่วงที่ตลาดแกว่งตัว (sideway) ใช้หลักการตั้งคำสั่งซื้อ (Buy) และขาย (Sell) หลาย ๆ ระดับราคาภายในช่วงราคาที่กำหนดไว้ ระบบจะสร้าง “ตารางคำสั่ง” หรือ กริด (Grid) แบบอัตโนมัติ แล้วทำการซื้อเมื่อราคาตก และขาย เมื่อราคาขึ้น โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดเอง


เหรียญที่เราต้องการลงทุนคือ BTC/THB โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ 1,000,000 บาทซึ้งเราต้องการให้ระบบซื้อขายทำงานที่ช่วงราคาระหว่าง 
2,500,000 ถึง 3,500,000 บาท 
โดยกำหนดช่องตาราง Grid ที่ 100 ช่อง
สูตรการคำนวณค่าต่างระหว่างช่อง คือ (Max-Min/Grid=Different Grid Price Rang)
3,500,000-2,500,000/100=10,000
หมายความว่า ใน 100 ช่อง จะได้ค่าต่างระหว่างช่องที่ 10,000 ทำให้
ช่องที่ 1 เริ่มที่ 2,500,000 – 2,510,000
ช่องที่ 2 เริ่มที่ 2,510,000 – 2,520,000
ช่องที่ 3 เริ่มที่ 2,520,000 – 2,530,000 และไปเรื่อยๆจนครบช่องที่ 100 ที่ 3,490,000 – 3,500,000 
สูตรการหาจำนวนเงินที่ใช้ซื้อเหรียญในแต่ละช่อง คือ งบประมาณ/Grid=เงินที่ใช้ซื้อเหรียญ
1,000,000/100=10,000
หมายความว่าในแต่ละช่องจะใช้เงินมูลค่า 10,000 บาท ซื้อเหรียญ

ช่องที่ 1 เริ่มที่ 2,500,000 – 2,510,000
ช่องที่ 2 เริ่มที่ 2,510,000 – 2,520,000
ช่องที่ 3 เริ่มที่ 2,520,000 – 2,530,000 และไปเรื่อยๆจนครบช่องที่ 100 ที่ 3,490,000 – 3,500,000


ปล่อยบอทช่วยซื้อขายอัตโนมัติในช่วงราคาที่คุณตั้งไว้
เก็บกำไรจากทุกความเคลื่อนไหวของสภาพตลาด





  •  หากราคาเหรียญมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideway) Grid Trading จะทำกำไรจากการขึ้น - ลงภายในกรอบนั้นได้ดี
  •  แต่ถ้าราคา พุ่งขึ้นแรง (Breakout) หรือ ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง Grid อาจขาดทุนหรือค้างออเดอร์ที่ติดลบจำนวนมาก

  •  หากตั้ง Grid จำนวนมากในช่วงราคากว้าง ต้องใช้ทุนสูงในการเปิดออเดอร์แต่ละจุด
  •  ทุนน้อยเกินไปอาจทำให้ระบบไม่สามารถเปิดออเดอร์ตาม Grid ได้ครบ และทำให้แผนพัง

  •  การเปิด-ปิดหลายออเดอร์ต่อวัน อาจทำให้ต้นทุนค่าธรรมเนียมสะสมสูง
  •  ถ้าแพลตฟอร์มคิดค่าธรรมเนียมสูง อาจทำให้กำไรที่ได้จาก Grid หายไป

  •  หากราคาผันผวนรุนแรง อาจทำให้การตั้ง Grid ไม่ครอบคลุม และพลาดจุดกลับตัวของราคา
  •  หรือโดนลากจนขาดทุนหนัก

  •  การตั้งจำนวนช่อง (จำนวน Grid) และช่วงราคาที่กว้างเกินไปหรือแคบเกินไป
อาจทำให้ผลลัพธ์ต่างกันมาก
  •  ควรศึกษากราฟและแนวรับแนวต้านก่อนเริ่มเสมอ

• หากราคาหลุดกรอบ Grid ลงไปแล้วไม่กลับขึ้นมา ออเดอร์ Buy จะค้างอยู่ ไม่สามารถทำกำไรได้

• หากไม่มีการตั้งจุดหยุดขาดทุน ระบบอาจปล่อยให้ขาดทุนต่อเนื่องจนพอร์ตเสียหาย

  •  แม้จะดูเหมือนระบบอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้งานควรตรวจสอบสถานะอย่างน้อยเป็นระยะ
หากตลาดเปลี่ยนทิศทางแรงอาจต้องปรับแผน
ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต


