วางแผนการลงทุนสำหรับมือใหม่

เริ่มจากการลงทุนเล็ก ๆ ผ่านการ DCA ในเหรียญหลัก (BTC, ETH) กระจายความเสี่ยงด้วย Stablecoin และ Altcoin เล็กน้อย ใช้แพลตฟอร์มที่ปลอดภัย และเรียนรู้ตลาดไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างวินัยและมุมมองระยะยาว

Table of Contents

วางแผนการลงทุนสำหรับมือใหม่

กำหนดสัดส่วนในพอร์ต

  • ไม่ควรใส่คริปโตทั้งหมดในเงินลงทุน ควรจำกัดที่ 5–20% ของพอร์ตลงทุนรวม
  • ที่เหลือควรกระจายไว้ในสินทรัพย์อื่น เช่น เงินสด หุ้น กองทุน
  • เลือกเหรียญที่มีพื้นฐานแข็งแรง

    มือใหม่ควรเริ่มจาก Top coins ที่มีสภาพคล่องสูงและเป็นที่ยอมรับ

  • Bitcoin (BTC) → Store of value, ความเสี่ยงต่ำที่สุดในคริปโต
  • Ethereum (ETH) → Smart contract, Defi/NFT ecosystem
  • Stablecoin (USDT, USDC) → ใช้พักเงิน ลดความผันผวน
  • ถ้าอยากเพิ่ม อาจเลือก เหรียญ Layer 1 / Layer 2 ที่มีการใช้งานจริง (เช่น BNB, Solana, Polygon)
  • วิธีการลงทุน

  • DCA (Dollar-Cost Averaging): ลงทุนทุกเดือนจำนวนเท่ากัน เช่น 3,000–5,000 บาท → ลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาด
  • HODL ระยะยาว: เก็บเหรียญพื้นฐาน (BTC, ETH) 1–3 ปีขึ้นไป
  • Stablecoin Strategy: เก็บบางส่วนใน Stablecoin รอจังหวะตลาดลงค่อยเข้าซื้อ
  • การจัดสรรพอร์ต (ตัวอย่างสำหรับมือใหม่)

    สมมุติลงทุนเดือนละ 10,000 บาท →

    • BTC: 50% (5,000 บาท)
    • ETH: 30% (3,000 บาท)
    • Stablecoin: 10% (1,000 บาท)
    • Altcoin อื่น ๆ: 10% (1,000 บาท)

    ความปลอดภัยสำคัญที่สุด

  • ใช้ Exchange ที่ได้รับใบอนุญาต ก.ล.ต. ไทย (เช่น Maxbit, Bitkub, Zipmex)
  • เก็บเหรียญใน Hardware Wallet ถ้าเป็นจำนวนเยอะ
  • ตั้ง 2FA, PIN, Password Manager ป้องกันความเสี่ยง
  • การติดตามและปรับพอร์ต

  • ตรวจสอบพอร์ตอย่างน้อย 3–6 เดือนต่อครั้ง
  • ช่วงตลาดขาขึ้น → อาจทยอยขายบางส่วนเปลี่ยนเป็น Stablecoin
  • ช่วงตลาดขาลง → ใช้ Stablecoin ซื้อสะสม
  • ดาวน์โหลดแอพลิเคชัน Maxbit ได้ที่

    appstoregoogleplay

    ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต

    ลงทะเบียน
    starstar