
Weekly Recap Research
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักจากข่าวการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน ส่งผลให้เกิดการเทขายทำกำไรรวมกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ประเด็นนี้กลายเป็นที่ถกเถียงในชุมชนคริปโต โดยราคาบิทคอยน์ร่วงลงแตะ 91,000 ดอลลาร์จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ก่อนจะฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 101,000 ดอลลาร์ หลังมีประกาศเลื่อนการขึ้นภาษี

[https://www.coinglass.com/pro/futures/LiquidationMap]
Volume Narrative

ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา Narrative ที่มี Volume สูงสุดคือฝั่ง Layer 1 (L1) โดยเฉพาะ Ethereum และ Bera Chain ที่เพิ่งมีการแอร์ดรอป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ Narrative ของ Memecoin ซึ่งมาเป็นอันดับ 2 แม้จะเป็น Volume จากฝั่งซื้อหรือขาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มของ Memecoin ยังคงมีบทบาทอยู่ในตลาด
Netflow

[https://app.artemis.xyz/flows]
Netflow ของแต่ละเชนในช่วง 7 วันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า Ethereum ยังคงครองอันดับหนึ่งจากยอด staking บนเครือข่าย อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสนใจคือ Arbitrum ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 โดยปัจจัยสำคัญมาจากความสามารถของ Arbitrum ในการเชื่อมต่อกับ Hyperliquid ผ่านการ Bridge ได้โดยตรง
Hyperliquid

[https://app.artemis.xyz/project/hyperliquid?from=sectors]
Hyperliquid เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชน Layer-1 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมวงการการเงินดิจิทัล โดยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลาง DeFi ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานรวดเร็วและสะดวกสบายเทียบเท่ากับกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEX) แต่ยังคงความปลอดภัยและโปร่งใสตามหลักบล็อกเชน จุดเด่นสำคัญคือการเป็น DEX ที่มี Order Book แบบ On-Chain เต็มรูปแบบ ซึ่งต่างจาก DEX ส่วนใหญ่ที่ใช้ Order Book แบบ Off-Chain ทำให้ Hyperliquid มอบความโปร่งใสและตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา Hyperliquid (HYPE) ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แม้ตลาดโดยรวมจะอยู่ในช่วงขาลง ขณะที่ Altcoin อื่น ๆ ปรับตัวลดลง Hyperliquid กลับแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยตัวเลขที่น่าสนใจ ดังนี้
- มูลค่าสินทรัพย์รวมที่ถูกล็อค (TVL) พุ่งสูงขึ้น: มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ถูกล็อคใน Hyperliquid เพิ่มขึ้นจาก 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 663 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นและการไหลเข้าของเงินทุนอย่างต่อเนื่อง
- HLP Vault เติบโตอย่างก้าวกระโดด: HLP (Hyperliquid Liquidity Provider) Vault ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฝากสินทรัพย์เพื่อเป็นสภาพคล่องและรับผลตอบแทน มีเงินฝากเพิ่มขึ้นจาก 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 7 วัน บ่งบอกถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในการเข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องบนแพลตฟอร์ม
- ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) พุ่งสูงในช่วงตลาดผันผวน: ในวันที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ปริมาณการซื้อขายบน Hyperliquid พุ่งขึ้นแตะระดับ 18.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาเหรียญ HYPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ในขณะที่ Altcoin ส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวลดลง
โดยรวมแล้ว Hyperliquid กำลังแสดงศักยภาพในฐานะหนึ่งในแพลตฟอร์ม DeFi ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดคริปโตในปัจจุบัน
Fear & Greed Index

[https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/]
ดัชนี Fear & Greed Index เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความผันผวนของราคา,ปริมาณการซื้อขาย,ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียและอื่นๆการวัดค่าดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงสภาวะตลาดในปัจจุบัน
ดัชนี Fear & Greed Index ในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ในระดับ “Fear” (ความกลัว) อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงการเปลี่ยนแปลง Sentiment ของตลาดอย่างชัดเจน จากความกังวล ภาษีศุลกากร หรือสัญญาณใด ๆ ของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดคริปโต จนทำให้ผู้ลงทุนเกิดความกลัว และการประกาศกรอบงานใหม่ของ SEC สหรัฐ การยกเลิก SAB 121 (Employee Accounting Bulletin (SAB) ฉบับที่ 122) และการแก้ไข FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนเกิดความกลัวมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบมักทำให้ผู้เข้าร่วมตลาดประเมินตำแหน่งของตนใหม่
Bitcoin ETF Flow

Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2025 พบว่าในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีกระแสเงินไหลออกจาก FBTC (Fidelity) ของ Fidelity (-177.6 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ ARKB ของ ARK (-50.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลให้มีกระแสเงินไหลออกทั้งหมด -234.4 ล้านเหรียญสหรัฐในวันนั้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการเทขายหรือการขาดความเชื่อมั่นในตลาด จากการประกาศขึ้นภาษี ฝั่ง แคนนาดา,แม็กซิโก และจีน ของทรัมป์ ทั้งนี้วันถัดมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ กองทุน Blackrock (IBIT) ได้กับมามีเงินไหลเข้าเนื่องจาก การคลายความกังวลเกี่ยวกับ ภาษีว่าจะมีการเลื่อนออกไป โดยมียอดเงินไหลเข้าอยู่ที่ 249 ล้านเหรียญสหรัฐ
Ethereum ETF Flow

กลับมาที่ฝั่งของ ETH ETF ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์มีกองทุน Blackrock (IBIT) ที่ช่วงนี้มียอดเงินไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นได้ว่ามียอดเงินไหลเข้ามากกว่าของ BTC ETF (+276.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ด้วยซ้ำ จากการที่ World Liberty Finance มีการเข้าซื้อ Ethereum เข้าเช่นกัน
ข่าวสารสำคัญ
การประกาศเรื่องภาษีศุลกากรของทรัมป์ทำให้ตลาดคริปโตร่วง
XRP ราคาร่วง 7% หลังเครือข่ายหยุดทำงานกะทันหัน 1 ชั่วโมง
Berachain เปิดตัว mainnet และ airdrop
Elon Musk กับ Dogecoin อาจใช้บล็อกเชนเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของรัฐบาล
ที่มา:
https://intel.arkm.com/explorer/entity/worldlibertyfi
https://debridge.finance/learn/guides/the-best-steps-on-how-to-bridge-to-hyperliquid
https://app.artemis.xyz/project/hyperliquid?from=sectors
https://coinmarketcap.com/currencies/hyperliquid
https://hyperliquid.gitbook.io/hyperliquid-docs
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
คำเตือน:
คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ขอบคุณที่ติดตามครับ
Wanchat