Weekly Recap Research 25 – 31 Aug

Weekly Recap Research 

Digital Asset Treasury Companies หรือ DATCOs 

[https://sentora.com/research/articles/the-boom-and-potential-bust-of-digital-asset-treasury-companies-which-tokens-are-most-exposed]

บริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Treasury Companies หรือ DATCOs) มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025 โดยสามารถระดมทุนรวมกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อนำไปซื้อคริปโทฯ โดยส่วนใหญ่เป็น BTC และ ETH ผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการย้อนกลับ (reverse mergers) และการเสนอขายหุ้นในตลาด (at-the-market equity) 

ในช่วงตลาดขาขึ้น หุ้นของบริษัทเหล่านี้มักซื้อขายในราคาที่สูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (Premium to NAV) โดยค่า mNAV (Market to Net Asset Value) ของ MicroStrategy อยู่ที่ประมาณ 1.56 เท่า กลไกนี้สร้างวงจรส่งเสริมกันเอง (flywheel) เมื่อบริษัทออกหุ้นใหม่ จะได้เม็ดเงินไปซื้อเหรียญเพิ่ม ซึ่งช่วยดันทั้งราคาสินทรัพย์และตัวคูณมูลค่าให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อวัฏจักรกลับทิศ ราคาหุ้นที่เคยเกินมูลค่าก็อาจกลายเป็นต่ำกว่ามูลค่า (Discount) ผลจากเลเวอเรจจะยิ่งรุนแรง และคณะกรรมการบริษัทที่ได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นอาจถูกกดดันให้ขายโทเคนเพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นคืนหรือเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้ย่ำแย่ลง 

ETH เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในกรณีนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 มีบริษัทมหาชน 69 แห่งสะสม ETH รวมกว่า 4.1 ล้านเหรียญ (คิดเป็นราว 3.4% ของอุปทานทั้งหมด) ควบคู่ไปกับเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ ETH ETF ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นประมาณ 95% จากราว $2,170 สู่ $4,240 ภายในวันที่ 21 สิงหาคม การกระจุกตัวของการถือครองลักษณะนี้จึงเพิ่มโอกาสที่จะเกิดแรงขายอย่างรุนแรง หากราคาหุ้นปรับตัวต่ำกว่ามูลค่า 

ในกรณีพื้นฐาน หากบริษัทเหล่านี้ขาย ETH เพียง 5–10% ของที่ถือครอง อาจกดราคาลงมาอยู่ในช่วง $3,600–$3,800 แต่ถ้าแรงกดดันจากราคาหุ้นทำให้เกิดการขายพร้อมกันในสัดส่วน 20–30% ราคา ETH อาจร่วงไปที่ $2,500–$3,000 และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดด้านกฎระเบียบหรือสภาพคล่อง (regulatory หรือ liquidity shock) ที่บังคับให้ขายเกิน 50% ราคามีโอกาสลงไปทดสอบระดับ $1,800–$2,200 ได้ 

Bitcoin Monthly returns 

[https://www.coinglass.com/today]

Bitcoin ปิดเดือนสิงหาคม 2025 ด้วยผลตอบแทนติดลบ 6.5% ซึ่งนับเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ร่วงลงถึง 17.4% แนวโน้มนี้สอดคล้องกับสถิติในภาพรวม เนื่องจากเดือนสิงหาคมและกันยายนมักเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตเผชิญแรงกดดัน โดยราคาปรับตัวลดลงถึง 8 ครั้งในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปีก่อนหน้า Halving ที่มักเห็นการลดลงรุนแรงในเดือนสิงหาคม ทั้งในระดับ -4.5%, -19% และบางครั้งมากกว่า -40% อย่างไรก็ตาม ภาพรวมไม่ได้มีเพียงด้านลบ หากไม่นับข้อมูลที่ผิดปกติ ผลตอบแทนเฉลี่ยของเดือนสิงหาคมยังอยู่ที่ประมาณ 11–12% สะท้อนโอกาสทำกำไรในภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ สถิติยังชี้ว่าเดือนสิงหาคมหลังการ Halving บางครั้งให้ผลตอบแทนเป็นบวกเล็กน้อย โดยวัฏจักรที่ผ่านมา BTC มีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนราว -0.21% ระหว่างสิงหาคมถึงตุลาคม และมีโอกาสทำกำไรเพียง 30% เท่านั้น นักวิเคราะห์มองว่าผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเกณฑ์ในช่วงปลายฤดูร้อนเป็นผลจากปัจจัยเชิงฤดูกาลที่คล้ายกับตลาดหุ้น ซึ่งช่วยคัดกรองโปรเจกต์ที่ขาดความแข็งแกร่งและการใช้งานจริงออกไป 

Top Net flow  

[https://app.artemis.xyz/flows]

ภาพรวมกระแสเงินบนเชน (25–31 ส.ค. 2568) สะท้อนชัดถึง “การไหลกลับเข้าสู่ Ethereum” โดยมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ครองอันดับหนึ่งและทิ้งห่างเครือข่ายอื่น ๆ อย่างชัดเจน ทั้งยังสอดคล้องกับกระแสเงินที่ไหลเข้ากองทุน Ethereum ETF อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สภาพคล่องและความต้องการใช้งานบนเมนเน็ตโดดเด่นเหนือกลุ่ม L2 

ในด้านกระแสเงินไหลออก Polygon PoS ถูกขายออกกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงการโยกย้ายสภาพคล่องกลับสู่ Ethereum และการรีบาลานซ์พอร์ตช่วงสิ้นเดือน ขณะที่ Base รวมถึง L2 อื่น ๆ อย่าง Unichain, OP Mainnet และ Arbitrum ต่างเผชิญแรงไหลออกเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ภาวะระมัดระวังต่อความเสี่ยงจากโปรโตคอลทดลองหรือกลยุทธ์ฟาร์มผลตอบแทน 

สำหรับเครือข่ายอื่น ๆ ที่ยังมีเงินไหลเข้าแม้จะไม่มากนัก ได้แก่ Berachain, BNB Chain, Sei, Solana, Starknet และ Hyperliquid สะท้อนการกระจายตัวของสภาพคล่อง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดแนวโน้มใหม่อย่างชัดเจน 

Fear & Greed Index

[https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/]

ดัชนี Fear & Greed Index เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ  เช่น ความผันผวนของราคา,ปริมาณการซื้อขาย,ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียและอื่น ๆ การวัดค่าดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงสภาวะตลาดในปัจจุบัน  

Fear & Greed (25–31 ส.ค. 2568): ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Neutral ราว 48–51 จุด และปิดสัปดาห์ใกล้ 50 สะท้อนบรรยากาศ “รอดูทิศทาง” ของนักลงทุนมากกว่าการเข้าลงทุนเสี่ยงต่อเนื่อง ระดับใกล้เคียงนี้ยืนยันได้จากข้อมูลช่วงปลายสัปดาห์ทั้ง MacroMicro และบัญชีรายวัน BitcoinFear ปัจจัยหนุนช่วงต้นสัปดาห์มาจากกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุนสปอต โดยเฉพาะ Ethereum ETF ที่มีเม็ดเงินสะสมราว $1.08B (4 ใน 5 วันเป็นบวก) ขณะที่ Bitcoin ETF ก็มีวันบวกต่อเนื่อง เช่น 28 ส.ค. +$178.9m ช่วยพยุงความเชื่อมั่นให้อยู่ในโซน Neutral อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. เกิดแรงขายและการปรับพอร์ตสิ้นเดือน ส่งผลให้ BTC ETF มียอดไหลออก -$126.7m และ ETH ETF -$164.6m กดบรรยากาศตลาดให้แผ่วลงช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ราคา BTC ทรงตัวบริเวณแนวรับ $111.5k สะท้อนความระมัดระวังของนักลงทุน 

Bitcoin ETF Flow 

[https://farside.co.uk/btc/]

ช่วง 25–29 ส.ค. 2025 กระแสเงินในกองทุน Spot Bitcoin ETF ฟื้นตัวด้วยการไหลเข้าสุทธิ +$440.8 ล้าน แม้วันศุกร์ปิดสัปดาห์พลิกเป็นเงินไหลออก -$126.7 ล้าน หลังจากสี่วันแรกมีเงินไหลเข้ารวม +$567.5 ล้าน โดยผู้นำคือ IBIT (BlackRock) ที่มีเงินไหลเข้ารวมราว +$247.9 ล้านและบวกต่อเนื่องทุกวัน สะท้อนแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ FBTC และ ARKB เคลื่อนไหวผันผวน โดย ARKB ไหลเข้า +$79.8 ล้านในวันพฤหัส ก่อนจะถูกขาย -$72.1 ล้านในวันศุกร์ ส่วน FBTC วันศุกร์ถูกขาย -$66.2 ล้าน กดดันภาพรวม ด้าน GBTC กลับมาเป็นเงินไหลออก -$15.3 ล้าน อย่างไรก็ตาม สัญญาณ breadth ยังเป็นบวกตลอดวันจันทร์–พฤหัส หลายกองทุนมี inflow พร้อมกัน (BITB, BTCO, EZBC, HODL) แสดงถึงความเชื่อมั่นที่กว้างขึ้น ภาพรวมจึงมีลักษณะ “รีบาวด์” หลังจากสัปดาห์ก่อนเผชิญแรงไหลออกหนัก แต่ยังไม่ถือเป็นการยืนยันแนวโน้มใหม่ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือการที่ IBIT จะสามารถรักษาแรงซื้อระดับวันละ $40–60 ล้านได้หรือไม่ รวมถึงการกลับมาบวกของ FBTC และ ARKB ซึ่งหากเกิดขึ้นจะช่วยหนุนโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องในช่วงต้นเดือนหน้า 

Ethereum ETF Flow 

[https://farside.co.uk/eth/]

ช่วง 25–29 ส.ค. 2025 กองทุน Spot Ethereum ETF ฟื้นตัวแข็งแกร่ง มียอดเงินไหลเข้าสุทธิราว +$889.6 ล้าน มากกว่ากองทุนบิตคอยน์ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีจุดเด่นที่ ETHA (BlackRock) นำโด่งใน 3 วันแรกด้วยตัวเลข +$314.9m, +$236.9m และ +$262.6m รวมกว่า +$800m สะท้อนแรงซื้อจากสถาบันที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ FETH (Fidelity) มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะวันศุกร์ที่มียอดไหลออก –$51m อย่างไรก็ตาม กองทุน “ETH” ยังมีเงินไหลเข้าในหลายวัน ช่วยประคองภาพรวมไม่ให้สะดุด สรุปได้ว่า breadth เป็นบวกตลอดวันจันทร์ถึงพุธ ก่อนจะเริ่มชะลอช่วงปลายสัปดาห์ บ่งชี้ถึงการรีบาวด์หลังแรงขายก่อนหน้า มากกว่าการกลับทิศถาวร ทั้งนี้ หาก ETHA สามารถรักษา inflow ได้ต่อเนื่อง และ FETH พลิกกลับมาเป็นบวก โมเมนตัมต้นเดือนหน้ามีโอกาสขยับต่อเนื่อง 

ข่าวสารสำคัญ 

Grayscale ยื่นเอกสาร S-1 ต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เตรียมแปลงกองทุน Avalanche Trust เป็น Spot ETF 

ทรัมป์มีเดีย (TMTG) เพิ่มเหรียญ CRO ของ Crypto.com เข้าเป็นสินทรัพย์ในคลังของบริษัท 

กองทุน Ethereum ETF ดึงดูดเงินทุนไหลเข้า 4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม สวนทาง Bitcoin ETF ที่เผชิญเงินทุนไหลออก 

อุปทาน USDe ของ Ethena พุ่งทะลุ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ แรงหนุนจากกลยุทธ์ Leveraged Yield บน Pendle และ Aave 

ที่มา:  

https://sentora.com/research/articles/the-boom-and-potential-bust-of-digital-asset-treasury-companies-which-tokens-are-most-exposed

https://www.coinglass.com/today

https://app.artemisanalytics.com/flows

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้  

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้   

 
ขอบคุณที่ติดตามครับ 
Wanchat