Weekly Recap Research 2 – 8 June

Weekly Recap Research  

Stablecoins: แกนหลักรายได้ของ DeFi ที่สร้างมูลค่ามากกว่า 1 ใน 3 

[https://keyrock.com/onchain-value-stablecoins-now-drive-over-a-third-of-defi-revenue/] 

ในอดีต Stablecoins หรือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ มักถูกใช้เป็นเพียงตัวกลางในการโอนย้ายมูลค่าระหว่างสินทรัพย์ต่าง ๆ ภายในโลกคริปโตเท่านั้น แต่ปัจจุบัน บทบาทของ Stablecoins ได้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากรายงาน “Onchain Value” โดยบริษัทด้านการลงทุน Keyrock ระบุว่า Stablecoins ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของโปรโตคอลในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) โดยสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30.8% ของทั้งหมด ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ Stablecoins ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของระบบนิเวศคริปโตในปัจจุบัน 

ในอดีต Stablecoins หรือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ มักถูกใช้เป็นเพียงตัวกลางในการโอนย้ายมูลค่าระหว่างสินทรัพย์ต่าง ๆ ภายในโลกคริปโตเท่านั้น แต่ปัจจุบัน บทบาทของ Stablecoins ได้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากรายงาน “Onchain Value” โดยบริษัทด้านการลงทุน Keyrock ระบุว่า Stablecoins ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของโปรโตคอลในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) โดยสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30.8% ของทั้งหมด ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ Stablecoins ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของระบบนิเวศคริปโตในปัจจุบัน 

รายงานจาก Keyrock ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในระบบนิเวศของ DeFi โดยระบุว่า ในเดือนมิถุนายน 2024 Stablecoins เคยมีสัดส่วนรายได้เพียง 4.7% ของรายได้รวมใน DeFi เท่านั้น แต่ภายในเวลาไม่กี่เดือน สัดส่วนดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 7 เท่า จนแตะระดับ 30.8% ในปัจจุบัน การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ชี้ให้เห็นว่า Stablecoins ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เป็น “ที่หลบภัย” ของนักลงทุนในภาวะตลาดผันผวนอีกต่อไป แต่ได้พัฒนาบทบาทจนกลายเป็น “แกนหลัก” หรือกระดูกสันหลังของระบบ DeFi โดยมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (medium of exchange), หลักประกัน (collateral) และกลไกการชำระเงิน (settlement) ให้กับแอปพลิเคชัน DeFi ชั้นนำเกือบทั้งหมด 

ข้อมูลจาก The Defiant ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2024 ที่ผ่านมา Stablecoins มีบทบาทสำคัญในระบบการชำระเงินทั่วโลก ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้นำ Stablecoin มาใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการโดยตรง โดยถูกนำมาใช้ในการชำระธุรกรรมรวมมูลค่าสูงกว่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณธุรกรรมของ Visa ถึงสองเท่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับและการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Stablecoins ในภาคเศรษฐกิจดิจิทัล โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของ Stablecoin ได้ทะลุ 2.5 แสนล้านดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง USDT จาก Tether และ USDC จาก Circle ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดหลักในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้อย่างเหนียวแน่น 

สัญญาณเติบโตของ Bitcoin ผ่าน MVRV Z-Score 

[https://bmpro.substack.com/p/mapping-bitcoins-bull-cycle-potential]

MVRV Z-Score เป็นโมเดลที่ใช้ประเมินว่าราคา Bitcoin ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่แพงเกินไป (Overvalued) หรือต่ำเกินไป (Undervalued) เมื่อเทียบกับ “มูลค่าที่แท้จริง” (Realized Value) หรือราคาต้นทุนเฉลี่ยที่นักลงทุนถือครองโดยรวม โดยในอดีต หากค่า Z-Score สูงกว่า 7.0 มักเป็นสัญญาณของจุดสูงสุดในวัฏจักร แต่ในขณะนี้ ค่า Z-Score อยู่ราว 2.4-2.5 ซึ่งสะท้อนว่าราคาได้ขยับออกจากโซนสะสมแล้ว แต่ก็ยังไม่ใกล้ภาวะฟองสบู่ (Euphoria) แต่อย่างใด แม้การมาของกองทุน Spot Bitcoin ETF อาจทำให้จุดสูงสุดในรอบนี้ไม่พุ่งสูงเท่ารอบก่อนหน้า (เช่น อาจอยู่แถวระดับ 5.0-6.0 แทนที่จะถึง 7.0 ขึ้นไป) แต่ก็ยังแสดงให้เห็นว่าราคายังมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกมากในเชิงระยะกลางถึงยาว 

Pi Cycle Top Indicator เป็นเครื่องมือที่ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้น ได้แก่ ค่าเฉลี่ย 111 วัน และ 350 วัน (คูณ 2) เพื่อช่วยระบุจุดสูงสุดของตลาด ซึ่งในอดีตสามารถจับจังหวะการกลับตัวของราคาคริปโตได้อย่างแม่นยำ ขณะนี้ทั้งสองเส้นยังคงอยู่ห่างกันพอสมควร สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มขาขึ้นในรอบนี้ยังไม่ใกล้เข้าสู่จุดสิ้นสุด และตลาดยังมีโอกาสเติบโตต่อได้อีกในระยะหนึ่ง 

โมเดลต่าง ๆ ที่ถูกนำมาวิเคราะห์ล้วนชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า แม้วงจรขาขึ้นของตลาดในรอบนี้จะดำเนินมากว่า 900 วันนับจากจุดต่ำสุด แต่ “พายุใหญ่” หรือคลื่นการปรับขึ้นอย่างรุนแรงจริง ๆ ยังมาไม่ถึง โดยยังมีความเป็นไปได้สูงที่จุดสูงสุดของวัฏจักรนี้จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือ 4 ของปี 2025 ซึ่งหมายความว่านักลงทุนอาจยังมีเวลาเตรียมตัวรับโอกาสครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

Top Net flow  

[https://app.artemis.xyz/flows]

ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ตลาดบล็อกเชนเกิดการหมุนเวียนเงินทุนครั้งใหญ่ โดย Polygon กลายเป็นเชนที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุด เนื่องจากความสนใจในวิสัยทัศน์ Polygon 2.0 และเทคโนโลยี “Aggregated Layer” (AggLayer) ที่มุ่งเชื่อมต่อและรวมสภาพคล่องระหว่างเชนต่างๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้และดึงดูดเงินทุนระยะยาว ขณะเดียวกัน Ethereum ยังคงได้รับแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าสู่ Spot Ethereum ETFs ในสหรัฐฯ ซึ่งการซื้อ ETH เพื่อค้ำประกันสินทรัพย์ช่วยเพิ่มสภาพคล่องโดยตรงในระบบนิเวศ ในทางตรงกันข้าม Arbitrum ประสบภาวะเงินไหลออกสุทธิราว 300 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการปลดล็อกโทเคน ARB ครั้งใหญ่สำหรับทีมงานและนักลงทุนรอบแรก ทำให้เกิดแรงขายเพื่อทำกำไร อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้อาจเป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว และไม่ได้สะท้อนปัญหาพื้นฐานของเครือข่ายเสมอไป 

Fear & Greed Index 

[https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/]

ดัชนี Fear & Greed Index เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ  เช่น ความผันผวนของราคา,ปริมาณการซื้อขาย,ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียและอื่น ๆ การวัดค่าดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงสภาวะตลาดในปัจจุบัน  

ดัชนี Crypto Fear & Greed ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 62 สะท้อนสภาวะ “Greed” หรือความโลภในตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้นตัวเป็นบวกในช่วงสุดสัปดาห์ หลังจากตลาดผ่านความผันผวนอย่างหนัก โดยเฉพาะกระแสเงินทุนใน Bitcoin ETF ที่เปลี่ยนแปลงตลอดสัปดาห์ 

ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการฟื้นตัวนี้มาจาก “ปัจจัยมหภาค” โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า Fed อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตมีความน่าสนใจมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน “ปัจจัยภายในตลาด” อย่างการฟื้นตัวทางเทคนิคของราคา Bitcoin และกระแสเงินทุนที่ยังไหลเข้าสู่ Ethereum ETF อย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยเสริมความเชื่อมั่นและลดความกังวลของนักลงทุนจากความผันผวนในสัปดาห์ก่อนหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ 

Bitcoin ETF Flow 

[https://farside.co.uk/btc/]

สัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน (2–6 มิถุนายน 2568) สะท้อนความผันผวนอย่างชัดเจนในตลาด Spot Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ โดยมีการสลับกันระหว่างเงินทุนไหลเข้าและไหลออกอย่างรุนแรงในแต่ละวัน ส่งผลให้ปิดสัปดาห์ด้วยเงินทุนไหลออกสุทธิรวมกว่า 131.6 ล้านดอลลาร์ สะท้อนภาวะตลาดที่ยังไร้ทิศทางชัดเจนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขณะที่ Bitcoin ETF เปลี่ยนจากแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องก่อนหน้า มาเป็นตลาดสองทิศทาง (two-way market) ที่นักลงทุนทำกำไรและกลับเข้าลงทุนสลับกันอย่างรวดเร็ว ความผันผวนและการเคลื่อนไหวสวนทางกันระหว่างกองทุนใหญ่ เช่น IBIT และ FBTC ชี้ว่านักลงทุนกำลังประเมินทิศทางตลาดใหม่ท่ามกลางปัจจัยมหภาคและความไม่แน่นอนต่าง ๆ 

Ethereum ETF Flow 

[https://farside.co.uk/eth/]

ในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน (2–6 มิ.ย. 2568) ตลาด Spot Ethereum ETF ในสหรัฐฯ ยังคงแสดงความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดเงินทุนไหลเข้าสุทธิทุกวัน รวมเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 281.3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาด Spot Bitcoin ETF ในช่วงเวลาเดียวกันเผชิญความผันผวนและมีเงินทุนไหลออกสุทธิ ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน (Divergence) ข้อมูลจาก Farside และ Cointelegraph ระบุว่า Ethereum ETF มีเงินไหลเข้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 15 ติดต่อกัน ขณะที่ Bitcoin ETF พบภาวะเงินไหลออกสลับกับเงินไหลเข้า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าสถานการณ์นี้อาจเป็นสัญญาณของการหมุนเวียนเงินทุน (Rotation) จากนักลงทุนที่ขายกำไรใน Bitcoin แล้วย้ายไปลงทุนใน Ethereum แทน 

ข่าวสารสำคัญ 

Circle ระดมทุนจาก IPO ได้ $1.1 พันล้าน หลังขายหุ้นราคาสูงกว่าช่วงที่กำหนด 

World Liberty Financial แจก Airdrop เหรียญ USD1 Stablecoin แก่ผู้ถือโทเคน WLFI 

Gemini Winklevoss ยื่น ‘เอกสารร่าง’ ต่อ SEC เตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น 

Apple, Airbnb, Google และบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่รายอื่นกำลังสำรวจการนำ Stablecoin มาใช้ 

Pump.fun ตั้งเป้าระดมทุน $1 พันล้าน ผ่านการขายโทเคน บนมูลค่ากิจการ $4 พันล้าน 

ที่มา:  

https://farside.co.uk

https://www.artemis.xyz

https://keyrock.com/onchain-value-stablecoins-now-drive-over-a-third-of-defi-revenue

https://bmpro.substack.com/p/mapping-bitcoins-bull-cycle-potential

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้ 

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้   

 
ขอบคุณที่ติดตามครับ 
Wanchat