Weekly Recap Research 18 – 24 Aug

Weekly Recap Research 

Every Big Company Will Have a Chain 

ในอนาคตอันใกล้ บริษัทขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาบล็อกเชนของตนเองมากขึ้น แนวโน้มนี้สอดคล้องกับกระแสการโทเคนไนซ์สินทรัพย์ (Asset Tokenization) ที่เริ่มต้นจากสินทรัพย์ที่เข้าใจง่ายและมีการใช้งานสูง เช่น Stablecoins, พันธบัตรรัฐบาล (Treasuries) และกองทุนต่าง ๆ โดยคาดว่าการพัฒนาในทิศทางนี้จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว 

[https://x.com/0xBrans/status/1957775271278321706] 

  • Stripe ได้เปิดตัวเลเยอร์ 1 ชื่อ Tempo ร่วมกับ Bridge เพื่อรองรับการชำระเงินจริงในระดับอินเทอร์เน็ต โดยสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมือของ Ethereum ได้โดยตรง ไม่ใช่การ fork หรือเลเยอร์ 2 แต่เป็นเลเยอร์ 1 ที่ออกแบบมาเพื่อการชำระเงินที่ต้นทุนต่ำและมีความแน่นอน ก่อนหน้านี้ Stripe ได้เข้าซื้อกิจการ Bridge (ตุลาคม 2024 มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์) และ Privy (มิถุนายน 2025) เพื่อต่อยอดการสร้างสแต็กเต็มรูปแบบที่ครอบคลุม payments, stablecoins และ wallets ซึ่งอาจกลายเป็นโครงสร้างที่ก้าวข้ามระบบ SWIFT และสร้างโอกาสใหม่ในการชำระเงินทั่วโลก 
  • Circle เปิดตัวเลเยอร์ 1 ชื่อ Arc โดยใช้ USDC เป็น gas token โดยตรง มาพร้อมประสิทธิภาพสูง (3,000 TPS และ block time 350 มิลลิวินาที) รองรับ EVM, ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว, กลไกลด MEV และ FX engine สำหรับการทำธุรกรรมสถาบัน นับเป็นการทำ vertical integration เพื่อควบคุมทั้งสกุลเงิน ค่าธรรมเนียม และเครือข่าย โดย Testnet จะเปิดปลายปี 2025 และตามด้วย Mainnet มีพันธมิตรหลักอย่าง Corpay, Visa และ Mastercard 
  • Tether พัฒนา Stable Chain โดยใช้ USDT เป็น gas token พร้อมประสิทธิภาพสูง (finality ภายในเสี้ยววินาที, ค่าธรรมเนียมเกือบเป็นศูนย์) และรองรับ EVM โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด stablecoin 

สรุป: การเคลื่อนไหวเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นทิศทางการแข่งขันของบริษัทใหญ่ที่หันมาพัฒนาเชนเฉพาะของตนเอง เพื่อรองรับธุรกรรมในระดับมหภาค โดย Circle และ Tether กำลังวางตำแหน่งเชนของตนให้เป็นสินทรัพย์สำหรับการชำระเงินและการชำระบัญชีที่เป็นกลาง (neutral settlement asset) 

Bitcoin Monthly returns(%) 

[https://www.coinglass.com/today]

ผลตอบแทนรายเดือนล่าสุดของ Bitcoin (BTC) อยู่ที่ -3.34% โดยข้อมูล ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2025 ราคาปิดอยู่ราว $109,634 ลดลงจากจุดสูงสุดของเดือนที่ $124,291 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลจากการปรับฐาน (consolidation หรือ correction) ในช่วงครึ่งหลังของเดือน หลังจากราคาทะลุจุดสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ประมาณ $124,496 ก่อนปรับตัวลงมาอยู่ในกรอบ $110,000 – $112,000 ช่วงปลายเดือน คิดเป็นการลดลงราว 11% จากจุดสูงสุด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความผันผวน (volatility) อันเป็นลักษณะเฉพาะของตลาดคริปโต ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค (macroeconomic) อาทิ ข้อมูล PPI ที่สูงกว่าคาด การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ (whale) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวก (bullish) ในระยะยาวยังคงปรากฏ จากการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบัน (institutional adoption) และอุปทาน (supply) ที่ลดลงหลังเหตุการณ์ Halving ในปี 2024 

Top Net flow  

[https://app.artemis.xyz/flows

ภาพรวมกระแสเงินทุนบนเครือข่าย (On-Chain) ระหว่างวันที่ 18–24 ส.ค. 2568 พบว่า Ethereum มีเงินทุนไหลเข้าสูงสุดราว 7.5 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $4,953.73 (24 ส.ค.) ร่วมกับการสะสมของนักลงทุนรายใหญ่ (whale accumulation) มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ภายหลังสุนทรพจน์ของประธานเฟด (Powell) ที่ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ส่งผลให้สถานะความเป็นผู้นำในกลุ่ม L1 ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน Polygon PoS มีเงินทุนไหลเข้า 2.5 พันล้านดอลลาร์ จากการอัปเดตด้านการขยายขีดความสามารถของเครือข่าย (scalability updates) และการเติบโตในภาค DeFi 

ในทางกลับกัน Base และ Unichain เผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออก 5 พันล้านดอลลาร์ และ 2.5 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ สะท้อนการหมุนเวียนของเงินทุนภายใต้ภาวะผันผวนจากการล้างพอร์ต (liquidations) มูลค่า 390 ล้านดอลลาร์ และความกังวลด้านปัจจัยมหภาคอย่างการขยายกำแพงภาษี (tariffs extension) ขณะเดียวกัน การหมุนเวียนดังกล่าวยังเกี่ยวเนื่องกับการปรับฐานที่เกิดจากการหมดอายุของ Options และการปลดล็อกเหรียญ (SUI/OP) ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานตลาดที่มีประสิทธิภาพ (Efficient Market Hypothesis) ขณะที่ Solana และ WorldChain ยังคงได้รับกระแสเงินทุนไหลเข้า จากความนิยมของ memecoin และการเข้ามาของ stablecoins 

Fear & Greed Index 

[https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/]

ดัชนี Fear & Greed Index เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ  เช่น ความผันผวนของราคา,ปริมาณการซื้อขาย,ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียและอื่น ๆ การวัดค่าดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงสภาวะตลาดในปัจจุบัน  

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (18–24 ส.ค. 2568) ดัชนี Fear & Greed เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Greed ถึง Neutral (53–65) สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย โดยช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีพุ่งขึ้นแตะ 65 (Greed) จากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายของประธาน Fed ในการประชุม Jackson Hole (23 ส.ค.) ร่วมกับข่าวการอนุมัติ Crypto ETPs เพิ่มเติม และกระแส DeFi boom บน Solana/Arbitrum ที่หนุนให้ราคา ETH ทำสถิติสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ $4,953.73 อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายสัปดาห์ดัชนีถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจมหภาค เช่น รายงานการประชุม Fed ที่ลดความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน และตัวเลข PPI ที่สูงกว่าคาด รวมถึงแรงขายทำกำไรหลังการสะสม ETH ของนักลงทุนรายใหญ่ (whale) และการถูกบังคับขาย (liquidations) มูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงมาปิดที่ 53 (Neutral) 

โดยสรุป การเคลื่อนไหวของดัชนีสะท้อนถึงการตอบสนองต่อข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วตามหลักสมมติฐานตลาดที่มีประสิทธิภาพ (EMH) แม้ภาพรวมจะชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาด แต่ก็ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงการปรับฐานระยะสั้น หากไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยจาก Fed ในอนาคตอันใกล้ ดัชนียังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงเข้าสู่โซน Fear ได้เช่นกัน 

Bitcoin ETF Flow 

[https://farside.co.uk/btc/

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (18–22 ส.ค. 2568) ตลาด Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ เผชิญกับเงินทุนไหลออก (outflows) อย่างหนัก โดยภาพรวมมียอดสุทธิเป็นลบประมาณ 1,069 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินทุนไหลออกส่วนใหญ่มาจาก IBIT ของ BlackRock (-615 ล้านดอลลาร์) ตามมาด้วย FBTC (-235 ล้านดอลลาร์), ARKB (-182 ล้านดอลลาร์) และ GBTC (-118 ล้านดอลลาร์) 

ปัจจัยลบดังกล่าวส่งผลให้ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 115,000 ดอลลาร์ หลังจากทำจุดสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ 124,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายทำกำไร (liquidation wave) มูลค่ากว่า 905 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดจากความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาค (macro concerns) หลังรายงานการประชุม Fed เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ระบุผลกระทบจากสงครามการค้าและลดโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ส่งผลให้เกิดแรงขายก่อนการประชุม Jackson Hole Symposium และสุนทรพจน์ของประธาน Fed ในวันที่ 22 ส.ค. ขณะเดียวกันยังเกิดการโยกย้ายเงินทุนไปยัง ETH ETFs ซึ่งมีเงินไหลเข้าหนักถึง 240 ล้านดอลลาร์ในบางวัน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันกำลังกระจายพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันความผันผวนของตลาด 

โดยสรุป ภาพรวมเงินทุนไหลออกครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงการปรับฐานในระยะสั้น ซึ่งหากท่าทีของ Fed กลับมาผ่อนคลายมากขึ้น (dovish) ก็อาจทำให้เงินทุนไหลกลับเข้ามา 

Ethereum ETF Flow 

[https://farside.co.uk/eth/]

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (18–22 ส.ค. 2568) ตลาด Spot Ethereum ETF ในสหรัฐฯ เผชิญความผันผวนสูง โดยเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยเงินทุนไหลออกหนัก ส่งผลให้ยอดสุทธิเป็นลบประมาณ 241 ล้านดอลลาร์และราคา ETH ร่วงสู่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ ท่ามกลางการถูกบังคับขาย (liquidations) กว่า 500 ล้านดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญมาจากความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาค หลังรายงานการประชุม Fed วันที่ 20 ส.ค. ที่ชี้ถึงผลกระทบจากสงครามการค้าและลดโอกาสการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม ปลายสัปดาห์สถานการณ์ฟื้นตัว หลังการแถลงของประธาน Fed วันที่ 22 ส.ค. ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น กระตุ้นเงินทุนไหลกลับเข้าสู่ ETH ETFs อย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันเกิดการโยกย้ายเงินทุนจาก BTC ETFs กว่า 1 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนการกระจายพอร์ตของนักลงทุนสถาบันโดยรวม สัปดาห์นี้จึงถูกมองเป็นการปรับฐานระยะสั้น ก่อนความคืบหน้าเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต 

ข่าวสารสำคัญ 

นักวิเคราะห์ชี้ Spot Ethereum ETF อาจเป็น “ฟองน้ำ” ดูดซับอุปทาน ETH ออกจากตลาดอย่างมีนัยสำคัญ 

Tether ดึงตัว “โบ ไฮนส์” อดีตผู้สมัคร ส.ส. สหรัฐฯ เสริมทัพ สะท้อนกลยุทธ์เชิงรุกด้านนโยบาย 

Kraken ขยายบริการหุ้น Tokenized (xStocks) สู่เครือข่าย TRON เพิ่มทางเลือกการลงทุนสินทรัพย์ในโลกจริง 

MetaMask เปิดตัวสเตเบิลคอยน์ MUSD บน Ethereum และ Linea จับมือ Stripe สร้างสะพานเชื่อมเงิน Fiat 

Ethereum ATH ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของตลาด หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 

ที่มา:

https://elonmoney.substack.com/p/market-update-a-week-of-outflows

https://twitter.com/0xBrans/status/1957775271278321706

https://www.cnbc.com/2025/08/24/crypto-market-today.html

https://cryptorank.io/news/feed/d5f7f-bitcoin-btc-price-prediction-for-august-27-2025

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้  

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้   

 
ขอบคุณที่ติดตามครับ 
Wanchat