Weekly Recap Research 14 – 20 Jul

Weekly Recap Research 

อนาคต Crypto สดใสหลังกฎหมาย GENIUS Act ในสหรัฐผ่าน 

[https://www.ccn.com/education/crypto/genius-act-us-senate-stablecoin-legislation/]

การลงนามบังคับใช้กฎหมาย GENIUS Act (Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins Act) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการคริปโตในสหรัฐอเมริกา โดยกฎหมายฉบับนี้ได้วางกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนช่วยลดความไม่ชัดเจนซึ่งเคยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเทคโนโลยี และเปิดทางให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมั่นใจ GENIUS Act จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยผลักดันการยอมรับ Stablecoins ในวงกว้าง เกิดการทำธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น ค่าธรรมเนียมลดลง และการเข้าถึงบริการทางการเงินที่โปร่งใสและไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมบทบาทของเงินดอลลาร์ในเศรษฐกิจดิจิทัล และเปิดโอกาสให้นวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การชำระเงินข้ามพรมแดนต้นทุนต่ำ หรือแอปพลิเคชันทางการเงินที่ผสานกับ AI พัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่ยังอยู่ในระหว่างการผลักดันคือร่างกฎหมาย CLARITY Act (Digital Asset Market Clarity Act) ซึ่งมีเป้าหมายในการวางกรอบโครงสร้างของตลาดคริปโตให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณา จะนำไปสู่การจัดระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดอย่างเป็นระบบ มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งการคุ้มครองผู้บริโภคและการเสริมสร้างความมั่นคงในระดับประเทศ แม้เส้นทางของวงการคริปโตยังคงอีกยาวไกล แต่การมาถึงของ GENIUS Act ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยวางรากฐานสู่อนาคตที่มีเสถียรภาพมากขึ้น 

Coinbase Institutional และ Glassnode มองตลาดคริปโตในไตรมาส 3 ปี 2025 

Bitcoin และ Ethereum มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจากจุดสูงสุดเดิม (ATH) ในไตรมาสที่ 2 โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาคของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยโดย Fed การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลจากภาคธุรกิจ และความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ดัชนี BTC Dominance อยู่ที่ 64% ขณะที่กระแสเงินทุนไหลเข้า ETF ในไตรมาสที่ 2 รวมสูงถึง 14.6 พันล้านดอลลาร์ มูลค่ารวมของ Stablecoin อยู่ที่กว่า 230 พันล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าการทำธุรกรรมต่อเดือนมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ภาพรวมของตลาดสะท้อนการเปลี่ยนผ่านของความรู้สึกจากความกังวลไปสู่ความเชื่อมั่น โดยแม้ปริมาณเหรียญที่สามารถซื้อขายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณที่ถูกเก็บไว้ในระยะยาวกลับลดลงเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ขณะเดียวกัน Ethereum ก็สามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากผ่านช่วง capitulation ในไตรมาสแรก 

US Spot BTC ETF Weekly Flows และ Cumulative Flows 

[Q3 2025 Charting Crypto_Glassnode x Coinbase.pdf]

กราฟนี้แสดงให้เห็นถึงขนาดของกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ Bitcoin ผ่านช่องทาง ETF ในสหรัฐฯ โดยแท่งกราฟสีเทาสะท้อนให้เห็นว่าในบางสัปดาห์ของไตรมาสที่ 2 ปี 2025 มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิสูงกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เส้นกราฟสะสมสีน้ำเงินพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จากระดับประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงต้นไตรมาส ไปแตะเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน กระแสเงินทุนจาก ETF เหล่านี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ราคา Bitcoin ทะลุจุดสูงสุดใหม่ในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคม การไหลเข้าของเม็ดเงินโดยตรงนี้มีอิทธิพลต่อราคามากกว่าปัจจัยอื่น ๆ เนื่องจากสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ที่แท้จริงและต่อเนื่อง แตกต่างจากวัฏจักรก่อนหน้าที่มักขับเคลื่อนด้วยหลายปัจจัยร่วมกัน การมีอยู่ของ Spot ETF จึงเปิดช่องให้เงินทุนขนาดใหญ่สามารถเข้าถึง Bitcoin ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากกว่าที่เคย 

PERFORMANCE RECAP 

[Q3 2025 Charting Crypto_Glassnode x Coinbase.pdf]

กราฟนี้เป็นการคาดการณ์แนวโน้มโดยอิงจากรูปแบบในอดีต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Bitcoin มักเข้าสู่ช่วงขาขึ้น (bull run) หลังการ Halving โดย Halving ล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2024 ในรอบวัฏจักรก่อน ๆ ราคามีแนวโน้มเติบโตแบบทวีคูณในช่วง 12-28 เดือนแรก ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุด (peak) และปรับฐานลงราว 70-90% สำหรับวัฏจักรปัจจุบันที่เริ่มตั้งแต่ปี 2022 การฟื้นตัวในช่วงแรกเป็นไปอย่างช้ากว่าเดิม ซึ่งอาจมีปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยในช่วงปี 2022-2023 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ไตรมาสแรกถึงไตรมาสที่สองของปี 2025 เริ่มมีสัญญาณการเคลื่อนไหวที่แตกต่างออกไป โดยมีแรงสนับสนุนจากกระแสเงินไหลเข้าสู่ ETF มูลค่ารวม 14.6 พันล้านดอลลาร์ และความชัดเจนด้านกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่เพิ่มมากขึ้น 

ช่วงจุดต่ำสุดของรอบ (Cycle Low) ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 จนถึงปัจจุบันกินระยะเวลา 32 เดือน โดยราคาของ BTC อยู่ที่ระดับ 118,000 ดอลลาร์ คิดเป็นตัวคูณ (multiplier) ประมาณ 7.5 เท่าจากจุดต่ำสุดที่ 15,760 ดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับกราฟ “We are here” ในรายงานช่วงเดือนมิถุนายน 2025 จะพบว่าอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ +28 ถึง +32 เดือน และระดับตัวคูณ 7 เท่า ซึ่งสอดคล้องกันหากกราฟยังคงเคลื่อนไหวตามวัฏจักรของปี 2015-2018 แม้จะเริ่มมีการแยกทิศทาง (diverge) แต่แนวโน้มโดยรวมยังถือว่าเป็นบวก (constructive) ทั้งนี้ หากแนวโน้มยังคงเดินตามวัฏจักรเดิม อาจมีโอกาสเห็นตัวคูณเพิ่มขึ้นถึง 20-50 เท่าในช่วง +36 ถึง +40 เดือน ซึ่งหมายถึงราคาอาจพุ่งไปถึงช่วง 300,000–800,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รายงานยังได้เตือนว่า ข้อมูลในอดีตไม่สามารถรับประกันอนาคตได้ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากนโยบายการเงินของ Fed และระดับการยอมรับของภาคเอกชน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risks) ได้ 

Top Net flow  

[https://app.artemis.xyz/flows]

ภาพรวมกระแสเงินทุนบนเครือข่าย (On-Chain) ตลอด 7 วันที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Artemis แสดงให้เห็นว่า Ethereum มียอดไหลเข้าสุทธิสูงสุดกว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขนี้สอดคล้องกับกระแสข่าว “Crypto Week” ซึ่งมีการผลักดันร่างกฎหมายสนับสนุน Layer 2 และ DeFi โดยตรง ส่งผลให้ Ethereum รวมถึงโครงการในเครือ (L2 affiliates) อย่าง Polygon, Avalanche และ OP ได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ ETF รวมกว่า 2.19 พันล้านดอลลาร์สำหรับ ETH พร้อมกับการอัปเกรดเครือข่ายที่ช่วยลดค่าธรรมเนียม (gas fee) ลงประมาณ 20% ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวม (TVL) บน Ethereum เพิ่มขึ้น 15% แตะระดับ 120 พันล้านดอลลาร์ และราคาของ ETH ปรับตัวขึ้น 10% มาอยู่ที่ 3,600 ดอลลาร์ 

Chain ลบอย่าง Solana เผชิญกับปัญหาความแออัดของเครือข่ายและการแข่งขันจาก Layer 3 ใหม่ๆ ขณะที่ Arbitrum มีเงินทุนไหลออกเนื่องจากการย้ายไปยัง Base อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ทรัมป์สนับสนุนคริปโตช่วยส่งผลบวกต่อตลาดโดยรวม ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเชิงบวกแม้ยังมีการหมุนเวียนของเงินทุนเกิดขึ้น 

Fear & Greed Index 

[https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/]

ดัชนี Fear & Greed Index เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ  เช่น ความผันผวนของราคา,ปริมาณการซื้อขาย,ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียและอื่น ๆ การวัดค่าดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงสภาวะตลาดในปัจจุบัน  

ดัชนีชี้วัดอารมณ์ตลาด (Market Sentiment) ในวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยดัชนี Fear & Greed อยู่ที่ระดับ 71 สะท้อนความเชื่อมั่นเชิงบวกที่ยังคงอยู่ในโซน Greed โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาค เช่น การผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนคริปโตในสหรัฐฯ และกระแสเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะ Ethereum Spot ETFs ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปี 2025 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูล Net Flows ของ Ethereum ที่ทะลุ 7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ BTC Dominance อยู่ที่ประมาณ 61% ลดลงกว่า 4-5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน Altcoins เคลื่อนไหวช้ากว่าแต่เริ่มมีสัญญาณชัดเจนของการหมุนเวียนเงินทุนจาก BTC ไปยัง Altcoins ซึ่งตลาด Altcoin เพิ่มขึ้นกว่า 46% ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา 

Bitcoin ETF Flow 

[https://farside.co.uk/btc/]

สัปดาห์ที่ผ่านมา (14–18 ก.ค. 2568) ตลาด Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงแรงส่งเชิงบวกอย่างชัดเจน โดยข้อมูลจาก FarSide Investors ระบุว่ามีเงินทุนไหลเข้าสุทธิรวมประมาณ 2.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว โดยวันที่ 16 กรกฎาคมมีการไหลเข้าสูงสุดถึง 799.4 ล้านดอลลาร์ นำโดยกองทุน IBIT ของ BlackRock ที่มียอดไหลเข้า 783.9 ล้านดอลลาร์ แม้กองทุนบางส่วน เช่น FBTC และ ARKB จะมีเงินไหลออกบ้าง แต่ภาพรวมยังคงแข็งแกร่ง โดยในวันที่ 18 กรกฎาคมมียอดไหลเข้าอีก 365 ล้านดอลลาร์ ทำให้การไหลเข้าต่อเนื่องยาวนานถึง 12 วัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ และผลักดันมูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM) ของ ETF เหล่านี้ให้ทะลุ 152 พันล้านดอลลาร์ เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาด คือ “Crypto Week” ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มต้นวันที่ 14 กรกฎาคม โดยมีการพิจารณาและผ่านร่างกฎหมายที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมคริปโต เช่น CLARITY Act, GENIUS Act สำหรับ Stablecoins และ Anti-CBDC Surveillance State Act ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ประกาศตัวเป็น “Crypto President” ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งทะลุระดับสูงสุดใหม่ที่ 123,000 ดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 14 กรกฎาคม จากเดิมที่ราว 118,000 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับฐานเล็กน้อย แต่ยังทรงตัวแข็งแกร่งเหนือระดับ 119,000 ดอลลาร์ 

Ethereum ETF Flow 

[https://farside.co.uk/eth/]

Spot Ethereum ETF ในสหรัฐฯ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา (14–18 ก.ค. 2568) มีกระแสเงินทุนไหลเข้าสุทธิกว่า 2.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ Bitcoin ETF อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปัจจัยหนุนหลักสอดคล้องกับทิศทางของตลาดคริปโตโดยรวม โดยนักลงทุนตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมในเชิงบวก ซึ่งส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน “Crypto Week” ที่จัดขึ้นในสภาคองเกรสสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม ได้มีการอภิปรายและผ่านร่างกฎหมายสำคัญที่สนับสนุนวงการคริปโต เช่น ร่าง GENIUS Act ที่เกี่ยวข้องกับ stablecoins (ซึ่งส่วนใหญ่รันบน Ethereum) และร่าง Anti-CBDC Act ที่ได้รับการลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวจากฝั่งภาคเอกชน เช่น BlackRock ที่ยื่นขอเพิ่มฟังก์ชัน staking ใน ETF และ SharpLink Gaming ที่ระดมทุนกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ Ethereum เหตุการณ์เหล่านี้ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบัน ส่งผลให้ราคา ETH พุ่งจากระดับ 3,000 ดอลลาร์ (14 ก.ค.) ขึ้นไปแตะ 3,756 ดอลลาร์ (20 ก.ค.) เพิ่มขึ้นกว่า 25% ภายในสัปดาห์เดียว 

ข่าวสารสำคัญ 

วาฬ Bitcoin ยุคบุกเบิกเคลื่อนไหว โอนสินทรัพย์มูลค่ามหาศาลไปยัง Galaxy Digital และ Cumberland 

SRM Entertainment รีแบรนด์เป็น “Tron Inc.” เตรียมใช้ชื่อย่อหุ้น “TRON” หลังทุ่มลงทุน Stake เหรียญ TRX กว่า 365 ล้านเหรียญ 

Elliptic เผยอาชญากรรมคริปโตข้ามเชนปีนี้ทะลุ 2.1 พันล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้นสามเท่าจากปี 2023 

SharpLink Gaming ทุ่ม 11.8 ล้านดอลลาร์เข้าซื้อ Ethereum เสริมคลังสินทรัพย์ของบริษัท 

XRP พุ่งทะยานกว่า 12% ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่เหนือระดับ 3.40 ดอลลาร์ 

ที่มา:  

https://www.reuters.com/business/bitcoin-crosses-120000-record-high-2025-07-14

https://blockchain.news/flashnews/ethereum-etfs-attract-massive-2-18-billion-weekly-net-inflow-signaling-strong-bullish-sentiment-for-eth

https://www.ccn.com/education/crypto/genius-act-us-senate-stablecoin-legislation

https://20368641.fs1.hubspotusercontent-na1.net/hubfs/20368641/Glassnode%20x%20Coinbase%20Reports/Q3%202025%20Charting%20Crypto_Glassnode%20x%20Coinbase.pdf

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้  

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้   

 
ขอบคุณที่ติดตามครับ 
Wanchat