S คือเหรียญอะไร

Sonic (S) คือการพัฒนาใหม่ของ Fantom (FTM) แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่รีแบรนด์เป็น Sonic Labs การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญในระบบนิเวศ นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์ Sonic เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2024 พร้อมกับโทเค็น S ซึ่งเป็นโทเค็นดั้งเดิม โดยโทเค็น FTM ทั้งหมดสามารถแปลงเป็นโทเค็น S ได้ในอัตราส่วน 1:1 ในฐานะบล็อกเชน Layer-1 ที่ใช้ EVM Sonic มอบความสามารถในการปรับขนาดที่เหนือชั้น โครงสร้างพื้นฐานประสิทธิภาพสูง และศักยภาพในการใช้งานที่ไร้ขีดจำกัดให้กับนักพัฒนา 

Native Blockchain:  

Sonic มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสามประการ (blockchain trilemma) ของเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยนำเสนอโครงสร้างแพลตฟอร์มที่มีความเร็วและการขยายตัวสูง (scalable) ควบคู่กับความปลอดภัยและการกระจายศูนย์อย่างแท้จริง ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจาก Proof-of-Stake (PoS) รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า Lachesis และโครงสร้างแบบ Directed Acyclic Graph (DAG) ซึ่งช่วยให้ Sonic สามารถประมวลผลธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ลดทอนมาตรฐานด้านความปลอดภัยหรือการกระจายศูนย์ 

Consensus Protocol:  

Sonic ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake (PoS) ร่วมกับโครงสร้างแบบ Directed Acyclic Graph (DAG) เพื่อเพิ่มอัตราการดำเนินธุรกรรมและลดปัญหาความแออัดของธุรกรรม 

Trilemma (Security, Speed, Scalability):  

Security: Sonic กำหนดกลไกด้านความปลอดภัยเพื่อรักษาความถูกต้องของธุรกรรม รวมถึงรูปแบบธรรมาภิบาลแบบกระจายศูนย์ (decentralized governance model) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ถือโทเคน S เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการตัดสินใจ ทำให้แพลตฟอร์มสามารถพัฒนาในแนวทางที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน (community-driven) ได้อย่างแท้จริง 

Speed and Scalability: Sonic มีจำนวนธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ที่สูงและมีการคอนเฟิร์มธุรกรรมด้วยความเร็วระดับ sub-second จึงกลายเป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่ทั้งรวดเร็วและขยายตัวได้มากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งช่วยส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น และสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องการการประมวลผลปริมาณมากและการยืนยันธุรกรรมที่รวดเร็ว 

Founder / Date Founded:  

Fantom ก่อตั้งโดย Dr. Ahn Byung Ik นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวเกาหลีใต้ การพัฒนาแพลตฟอร์มนี้นำโดย Ava Labs และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2019  

Objective / Use Case:  

Sonic Labs มีแผนการพัฒนาเครือข่าย Sonic ในอนาคต โดยเฉพาะในสองด้านสำคัญ ได้แก่: 

• การเชื่อมโยงสินทรัพย์ในโลกจริง (Real-World Asset: RWA): มุ่งสร้างสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมและ DeFi ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการโทเคนไนซ์ (tokenize) สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงบนบล็อกเชน สร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายการใช้งานของเครือข่าย Sonic ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น 

• ระบบคะแนนเครดิต (Credit Score): มีข้อเสนอในการนำระบบคะแนนเครดิตมาใช้บน Sonic ซึ่งถือเป็นแนวคิดการให้กู้ยืม (DeFi lending) ด้วยการวางโครงสร้างการประเมินเครดิตอย่างกระจายศูนย์และโปร่งใส ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น 

Total supply/ Limit or Unlimited:  

โทเคนหลักของเครือข่าย Sonic คือ S ซึ่งมีจำนวนอุปทานรวม (total supply) อยู่ที่ 3.175 พันล้านโทเคน ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนโทเคน FTM ทั้งหมดบนเครือข่าย Fantom Opera ก่อนหน้านี้ โดยโทเคน S มีหลายบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของ Sonic เช่น การใช้จ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรม การสเตกกิ้ง (staking) เพื่อสนับสนุนเครือข่าย และสิทธิ์ในการโหวตหรือกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบในอนาคต 

Supply Deflation:  

หากแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApp) ไม่ได้เข้าร่วม Fee Monetization (FeeM) ค่าธรรมเนียมธุรกรรม (transaction fee) จำนวน 50% ที่เกิดจาก dApp นั้น จะถูกเผา (burned) และอีก 50% จะถูกจัดสรรให้กับผู้ตรวจสอบธุรกรรม (validators) ซึ่งเป็นการจูงใจให้ dApps เลือกเข้าร่วมโครงการ FeeM ขณะเดียวกันยังส่งผลให้เกิดแรงกดดันเชิงลดค่า (deflationary pressure) ต่อตัวโทเคน S  

Reference:

Soniclabs

Coinmarketcap

Coingecko